ชาเขียว(Green Tea Extract)
Super AntiOxidant
|
"ขาดอาหารสามวันยังดีเสียกว่า ขาดชาเพียงวันเดียว"
|
(สุภาษิตจีนโบราณ)
|
มีอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรที่จะดีต่อสุขภาพเท่าชาเขียวบ้าง ชาวจีนรู้เรื่องประโยชน์ทางยาของชาเขียวมาตั้งแต่ครั้งโบราณ โดยใช้ชาเขียวในการรักษาตั้งแต่โรคปวดศีรษะไปจนถึงโรคซึมเศร้า ในหนังสือเรื่อง ไขความลับธรรมชาติสู่สุขภาพที่ดีกว่า นาดีน เทย์เลอร์ กล่าวว่า มีการใช้ชาเขียวเป็นยาในประเทศจีนเป็นเวลานานอย่างน้อย 4,000 ปีมาแล้ว อะไรคือเครื่องดื่มยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลก
|
บางคนตอบว่าน้ำดำยี่ห้อดัง แต่แท้จริงคือ น้ำเปล่า แต่อะไรคืออันดับสอง
|
คำตอบที่ถูกต้องคือ ชา หรือ ฉาในภาษาจีนกลาง หรือ TEA เป็นเครื่องดื่มที่มนุษย์รู้จักกันมากว่า 5,000 ปี ต้นกำเนิดของชาเริ่มต้นที่เมืองจีน จากนั้นก็แพร่หลายไปทั่วโลกแบบทุกวันนี้
|
ชาเขียวกับคนญี่ปุ่นเรียกได้ว่าเป็นของคู่กันมานาน เป็นเครื่องดื่มประจำมื้ออาหารของชาวญี่ปุ่น ใครที่ชมชอบอาหารญี่ปุ่นก็มักจะได้จิบชาไปพร้อม ๆ กับอาหารที่เรียกได้ว่าเป็นอาหารสุขภาพดีชาติหนึ่ง คนญี่ปุ่นจัดว่าเป็นคนสูบบุหรี่จัดมาก แต่อัตราการเป็นมะเร็งปอดกลับไม่มีอัตรามากเท่าที่ควร มีการวิจัยและยอมรับว่าเกิดจากสารสำคัญที่อยู่ในชาเขียวที่มีฤทธิ์ปกป้องเซลล์ไม่ให้เป็นมะเร็ง
|
ร่างกายเราทุกวันนี้ได้รับสารทำลายเซลล์ที่เรียกว่า อนุมูลอิสระเป็นตัวสร้างปัญหาให้ร่างกายของเราเกิดโรคต่าง ๆ ที่ไม่ติดต่อ ทำให้เซลล์เราเสื่อมลงอย่างช้า ๆ จนเกิดโรคที่รุนแรง เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ ความดันสูง เบาหวาน
|
ปัจจุบัน การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออกพบว่า การดื่มชาเขียวมีผลอย่างชัดเจนต่อสุขภาพ เช่น ในปี 1994 วารสารของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ตีพิมพ์ผลการศึกษาที่แสดงว่า การดื่ม ชาเขียวช่วยลดอัตราการเสี่ยงของโรคมะเร็งหลอดอาหาร ในหมู่ชาวจีนทั้งหญิงชาย ได้ถึง เกือบ 60% เมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปูร์ดู สรุปว่า สารประกอบในชาเขียว ช่วยยับยั้งอัตราการเติบโตของเซลมะเร็งได้ นอกจากนั้น ยังมีการวิจัยที่แสดงว่า การดื่มชาเขียวช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลโดยรวมได้ และยังช่วยปรับอัตรา HDL ให้เป็น LDL
|
ชามีหลายประเภท ชาดำ (Black Tea) ชาอู่หลง และชาเขียว วันนี้เรามาดูเรื่องราวของ
|
ชาเขียว (Camellia Sinensis) กันก่อน ซึ่งตอนนี้แซงหน้ารุ่นพี่ในชื่อเสียงของการเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ป้องกันมะเร็ง ปกป้องเซลล์จากโรคร้ายต่าง ๆ และช่วยเผาผลาญลดน้ำหนักได้ด้วย
|
สารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) คือตัวที่มากำจัดเจ้าอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตามิน เกลือแร่ ที่มีมากในพืชผัก ผลไม้สด ความเสี่ยงจากโรคดังกล่าวข้างต้นก็จะลดน้อยลง
|
แต่ชาเขียวเป็นยิ่งกว่าสารต้านอนุมูลอิสระธรรมดา เพราะชาเขียวถูกจัดให้เป็นสารซุปเปอร์แอนตี้ออกซิแดนท์ (Super Antioxidant) เพราะตัวมันเองมีประสิทธิภาพสูงกว่าสารต้านอนุมูลอิสระทั่วไป
|
เพราะส่วนประกอบสำคัญในใบชาเขียวมีสารธรรมชาติตัวหนึ่งคือ โพลีฟีนอล (Polyphenol) ที่เป็นตัวต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ตัวโพลีฟีนอลถือเป็นหัวใจสำคัญของชาเขียวที่แตกต่างจากชาดำ เพราะชาดำจะต้องผ่านกระบวนการตาก อบแห้ง ความร้อนทำให้สาระสำคัญหายไป ก่อนที่เราจะได้นำมาชงดื่ม แต่เราจะได้คาเฟอีนแทน
|
โพลีฟีนอล ช่วยยับยั้งสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น ไนโตรซามีน(สารก่อมะเร็ง) คอยต่อสู้กับอนุมูลอิสระแล้วทำให้มันหมดฤทธิ์ลงไม่มีโอกาสไปทำร้ายเซลล์ดี ๆ ของเรา
|
ข้อเด่นของชาเขียวอีกประเภทหนึ่งคือช่วยลดไขมันในร่างกายด้วยการเพิ่มการเผาผลาญเพิ่มขึ้น สาว ๆ มักจะได้ยินข้อเด่นของชาเขียวด้านนี้ได้ดี เป็นการช่วยการเผาผลาญ ลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียง และช่วยลดไขมันในเลือดได้ด้วย
|
คุณสมบัติที่สร้างชื่อเสียงที่สุดของชาเขียวคือ ต่อต้านและป้องกันมะเร็ง มีผลงานวิจัยที่บอกถึงการนำเอาชาเขียวสกัด(ไม่ใช่ชาเขียวในตู้แช่ หรือชาเขียวแบบชงดื่ม)ไปทดสอบกับเซลล์มะเร็งในห้องทดลอง ผลปรากฏว่า ชาเขียวสกัดสามาหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
|
ด้านด้อยของชาเขียวมีบ้าง เพราะขึ้นชื่อว่าชาก็ต้องมีคาเฟอีนเป็นของคู่กัน คาเฟอีนทำให้ระคายกระเพาะ นอนไม่หลับ เพราะชาเขียวหนึ่งถ้วยจะมีคาเฟอีนประมาณ 76 มิลลิกรัม เมื่อเทียบกับเครื่องดื่มซ่าน้ำดำมีประมาณ 40 -70 มก. กาแฟชงจะมีประมาณ 30 – 120 มก.
|
ชาเขียวมีดีตรงไหน
|
ความลับของชาเขียวอยู่ที่ปริมาณสาร Catechin Polyphenol โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Epigallocatechin Gallate (EGCG) ที่มีอยู่มากในตัวชา EGCG เป็นสารต้านพิษ และยังช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลมะเร็งด้วยการฆ่าเซลมะเร็ง โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อส่วนดี นอกจากนั้นยังช่วยลดระดับ LDL คลอเรสเตอรอล และยับยั้งการก่อตัวแบบผิดปกติของก้อนเลือด ซึ่งเป็นเหตุของอาการหัวใจวายและลมชัก มักมีการเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้จากการดื่มชา เข้ากับประโยชน์ทีได้จากการดื่มไวน์ นักวิจัยสงสัยมานานแล้วว่า ทำไมชาวฝรั่งเศสจึงมีอัตราการป่วยด้วยโรคหัวใจน้อยกว่าชาวอเมริกัน ทั้งที่บริโภคอาหารที่มีไขมันสูง คำตอบก็คือ เป็นเพราะไวน์แดง ซึ่งมีสาร Resveratrol ที่เป็น Polyphenol ที่ลดอันตรายจากการสูบบุหรี่และรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
|
ในการวิจัยเมื่อปี 1997 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคนซัส สรุปว่า EGCG นั้นแรงเท่า ๆ กับ Resveratrol ถึงเกือบ 2 เท่า ซึ่งเป็นการอธิบายว่า ทำไมชาวญี่ปุ่นจึงมีอัตราการเสี่ยงโรคหัวใจค่อนข้างต่ำ แม้ว่ากว่า 75% จะสูบบุหรี่ก็ตาม
|
ทำไมชาจีนอื่น ๆ จึงไม่ดีเท่าชาเขียว ชาเขียว ชาอูลอง และชาดำต่างก็มา จากใบของต้น Camellia Sinensis การที่ชาเขียวมีประโยชน์มากกว่า ก็เนื่องมาจากกระบวนการแปรรูป โดยใบชาเขียวจะถูกนำมาอบไอน้ำ ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้สารประกอบ EGCG เข้ารวมตัวกับออกซิเจน ในทางตรงข้าม ใบชาอูลองและชาดำกลับเกิดจากการนำใบชาไปหมัก ซึ่งทำให้ EGCG ถูกเปลี่ยนเป็นสารประกอบชนิดอื่น ซึ่งแทบไม่มีประสิทธิภาพ ในการป้องกันหรือต่อสู้โรคใด ๆ เลย สาร EGCG นี้ในทางเคมีจัดเป็นสารโพลี่ฟีนอลชนิดหนึ่งที่มีการวิจัยกันอย่างกว้างขวางและหลายการวิจัยก็พบว่า สาร EGCG ดังกล่าวนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายได้แก่
|
1. มีส่วนช่วยในขบวนการ การกำจัดไขมันโคเรสเตอรอลในหลอดเลือด ซึ่งทำให้ลดภาวะความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง จากการอุดตันของไขมันในหลอดเลือด
|
|
2. ช่วยในการขับสารพิษ และสารอนุมูลอิสระ จึงส่งผลในการป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็งและโรคความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
|
3. ช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เนื่องจากมีผลในการกระตุ้นการทำงานระดับเซลล์และนอกจากสรรพคุณดังกล่าวจากสาร EGCG ที่มีอยู่ในชาเขียวแล้ว ชาเขียวยังให้สารอื่นๆ อีกมากมายเช่น สารคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ซึ่งมีประโยชน์ต่อขบวนการการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และขับสารพิษตกค้างออกจากร่างกายของเรา และจะทำงานร่วมกับสาร EGCG ในการช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น และลดความเสี่ยงจากอันตรายของสารพิษและอนุมูลอิสระ นอกจากนั้นชาเขียวยังมีวิตามิน (Vitamins) เกลือแร่ (Minerals) และสารอาหารจากพืชที่มีความสำคัญต่อร่างกายอีกมากมาย
|
ประโยชน์อื่น ๆ
|
มีหลักฐานใหม่ ๆ ที่แสดงว่า ชาเขียวสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ในเดือนพฤศจิกายน 1999 วารสาร The American Journal of Clinical Nutrition ตีพิมพ์ผลการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในสวิสเซอร์แลนด์ นักวิจัยพบว่า ผู้ที่ดื่มทั้งสารสกัดคาเฟอินและชาเขียว มีการเผาไหม้แคลลอรี่มากกว่า คนที่ได้คาเฟอินอย่างเดียว นอกจากนั้น ชาเขียวยังช่วยป้องกันฟันผุได้ด้วย ความสามารถในการทำลายแบคทีเรียของชาเขียว สามารถป้องกันอาหารเป็นพิษได้ และยังช่วยฆ่าแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดคราบพลัคในช่องปาก ในขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ถนอมผิว ที่มีส่วนผสมของชาเขียว ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาดับกลิ่นตัวหรือครีม บำรุงผิว ก็เริ่มมีวางขายในตลาด
|
คุณควรดื่มชาเขียวมากเท่าไร
|
คำตอบมีมากพอ ๆ กับจำนวนการวิจัยเรื่องคุณสมบัติของชาเขียว เช่น นิตยสาร Herbs for Health อ้างตัวอย่างรายงานจากญี่ปุ่นว่า คนที่ดื่มชาเขียว 10 แก้วต่อวัน จะปลอดโรคมะเร็งนานกว่าคนที่ดื่มชาเขียวน้อยกว่า 3 แก้วต่อวันถึง 3 ปี (มี Polyphenol ประมาณ 240-320 มก. ในชาเขียว 3 แก้ว) ขณะเดียวกัน การศึกษาของมหาวิทยาลัยCleveland's Western Reserve สรุปว่า การดื่มชาเขียวสี่แก้วหรือมากกว่านั้น จะช่วยป้องกันโรคปวดข้อ หรือลดอาการปวดใน กรณีของคนที่ป่วยอยู่แล้ว นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นที่สถาบันวิจัยมะเร็ง Saitama พบว่า การเกิดโรคมะเร็งเต้านม หรือ การขยายตัวของโรคนั้น จะน้อยลงในผู้หญิงที่มีประวัติดื่มชาเขียว 5 ถ้วย หรือมากกว่านั้นต่อ 1 วัน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย มีการศึกษาเรื่องคุณสมบัติการป้องกันมะเร็งของชาเขียว พบว่าคุณสามารถได้รับปริมาณ Polyphenols ในปริมาณที่ต้องการได้โดยดื่มชาเขียวเพียง 2 ถ้วยต่อวัน แต่บริษัทผู้ค้าชาเขียวชนิดแคปซูลกลับกล่าวว่า หากต้องการให้ได้ประโยชน์สูงสุดแล้วล่ะก็ จะต้องดื่มชาเขียวถึงวันละ 10 ถ้วยเลยทีเดียว ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรก็ตาม การดื่มชาเพียง 4-5 ถ้วยต่อวัน ดูจะปลอดภัยที่สุด และถ้าคุณจริงจังกับการดื่มชาเขียวมาก ก็อาจจะดื่มได้มากกว่านั้น แต่จะได้ประโยชน์มากน้อยขึ้นอย่างไรนั้นก็คงต้องรอผลการวิจัยอื่น ๆ ต่อไป
|
ชาเขียวมีผลร้ายบ้างหรือไม่
|
จนถึงปัจจุบัน ผลด้านลบที่พบจากการดื่มชาเขียวคืออาการนอนไม่หลับ เนื่องมาจากคาเฟอิน อย่างไรก็ตาม ชาเขียวยังมีคาเฟอินน้อยกว่ากาแฟ คือประมาณ 30-60 มก. ต่อชา 6-8 ออนซ์ เมื่อเทียบกับจำนวนคาเฟอิน กว่า 100 มก. ที่พบในกาแฟ 8 ออนซ์
|